เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๗ มิ.ย. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรม เราฟังธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้สถาปนาเป็นกษัตริย์ ท่านสละราชบัลลังก์ออกมา ออกมาทนทุกข์ทรมาน ๖ ปี ขวนขวายหาสัจจะหาความจริง

 

ถ้าหาความจริงขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เป็นความจริงๆ ขึ้นมาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันเหนือโลกเหนือสงสาร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมนั้นยิ่งใหญ่ๆ ถ้าสัจธรรมนั้นยิ่งใหญ่ ผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติได้สัจจะความเป็นจริง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ถ้าพระอรหันต์แสนกัปๆ คำว่า “แสนกัป” จิตใจเขามั่นคง จิตใจเขามีหลักการของเขา เขาไม่เหลวไหล เหลวไหลไปตามกระแสโลก โลกเป็นใหญ่ๆ เห็นไหม

 

เหรียญมีสองด้าน นี่ไง คนเกิดมาแล้วมีโลกกับธรรม เวลาโลกกับธรรมนะ ถ้าจิตใจมันอยู่กับโลกๆ มันก็ไปเรื่องโลก ไหลกระแสไปตามโลก แต่ถ้าเป็นธรรมๆ นะ เป็นธรรมก็ต้องเข้มงวดขึ้นมา ขันชะเนาะเข้ามาสู่ธรรมๆ พอเข้าสู่ธรรมก็บอกว่า “โอ๋ย! มันเคร่งเกินไป มันเกร็งเกินไป” มันปล่อยให้เป็นขี้หมาใช่ไหม

 

ถ้ามันเป็นความจริงๆ มันก็ต้องเข้มงวดขึ้นมาๆ เห็นไหม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การทำคุณงามความดีของเราๆ ถ้าทำคุณงามความดีของเรานะ ทำความดีเพื่ออะไร บุญกุศลๆ คำว่า “บุญกุศล” ทำสิ่งใด ลาภสักการะนี้เป็นเรื่องของโลกๆ นะ ดูสิ พระสีวลีที่มีลาภสักการะมหาศาล สิ่งนี้รองจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญ สำคัญคือพระสีวลีท่านได้ค้นคว้าของท่าน ท่านได้ประพฤติปฏิบัติของท่าน จิตใจของท่านเป็นธรรม ถ้าจิตใจของท่านเป็นธรรม ธรรมะในหัวใจของท่านมันยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่าลาภสักการะที่เขามาถวายท่าน แต่สิ่งที่มันได้มาๆ เพราะว่าท่านทำของท่านมาอย่างนั้น แล้วครูบาอาจารย์บางองค์ท่านก็ทำของท่านมา ถ้าท่านทำของท่านมา ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา นี่คุณธรรมอันนั้นมันยิ่งใหญ่ คุณธรรมอันนั้นคือศีล สมาธิ ปัญญา คือสัจธรรม คือความจริงในใจอันนั้น

 

ถ้าความสัจธรรมความจริงในใจอันนั้นมันเกิดขึ้น ถ้ามันเกิดขึ้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทางๆ แต่เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ใครมีศีล ใครมีสมาธิ ใครมีปัญญาขึ้นมา มีปัญญาขึ้นมามันรักษาหัวใจ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำได้ดี ถ้ามันมีดีในหัวใจมันแล้ว ถ้ามันดีในหัวใจมันแล้ว สิ่งข้างนอกมันจะมีคุณค่าไปแค่ไหน

 

นี่ไง ดูสิ ในปัจจุบันนี้ ตอนนี้เขามีแข่งขันบอลโลก เวลาบอลโลก เวลาแข่งขันบอล บอลบางทีมเขาคำนวณราคาออกมาแล้ว นักเตะเป็น ๕ หมื่น ๖ หมื่นล้าน นี่ราคาค่าตัวของนักเตะ ราคาทีมหนึ่งๆ เกือบแสนล้าน นี่ไง โดยมาตรฐานของเขายอดเยี่ยมทั้งนั้นน่ะ เวลายอดเยี่ยม เวลาแข่งขันขึ้นมา ด้วยมาตรฐานของเขาเหนือกว่าเขาทั้งนั้นน่ะ ทำสิ่งใดมันต้องชนะ

 

ฉะนั้น เวลาแข่งขันเขาบอกว่าต้องมีโชค มันเตะแล้วเตะอีก มันเตะออก เตะไม่เคยเข้าสักที ไอ้ทีมนี้อ่อนแอกว่าเยอะแยะมหาศาลเลย มันเตะผิดเตะถูกนะ มันได้ประตู เห็นไหม เวลาการแข่งขันเขาต้องมีโชค เวลามีมาตรฐานแล้ว คนมีความสามารถมากน้อยแค่ไหนก็ต้องมีโชค นี่ไง ถ้าคำว่า “มีโชค” นี่บุญของเรา ถ้าบุญของเรานี่นะ เราเกิดมากับโลก เวลาเราเกิดมากับโลก โดยมาตรฐาน ในการแข่งขัน ทีมที่เหนือกว่ามันชนะอยู่แล้ว ทีมที่ด้อยกว่า ด้อยกว่าแต่มันเป็นโอกาสเป็นจังหวะ มันเป็นครั้งเป็นคราว มันไม่เป็นทุกทีไปหรอก

 

นี่ไง เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นวิทยาศาสตร์ๆ ถ้าวิทยาศาสตร์มันเป็นทฤษฎีที่ถูกต้องตายตัว ถูกต้องตายตัวขึ้นมานะ เอาไว้ทำไม เอาไว้ประกอบสัมมาอาชีวะ ไว้ประกอบอาชีพ วิศวกรรมก็ทำที่อยู่อาศัย วิศวกรรมต่างๆ แขนงไหน ไฟฟ้า โครงสร้าง ก็คำนวณของเขา

 

แต่กิเลสมันปลิ้นปล้อน มันโกงได้ทุกเรื่องเลย มันโกงหมดน่ะ วิทยาศาสตร์ๆ กิเลส ดูสิ กิเลสมัน ๕ เปอร์เซนต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มันโกงหมดเลย นี่ไง วิทยาศาสตร์ที่แก้กิเลสไม่ได้ แก้กิเสสไม่ได้เพราะอย่างนี้ไง

 

ถ้าศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญามันเกิดจากไหน เวลาศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าศีล สมาธิ ปัญญา ในตำรามันก็วิทยาศาสตร์ไง สติก็ต้องเป็นอย่างนี้ สมาธิก็ต้องเป็นอย่างนี้ ปัญญาก็ต้องเป็นแบบนั้น ไอ้นี่มันสัญญาทั้งนั้นน่ะ

 

ดูสิ เราเห็นคนทำคุณงามความดีต่างๆ ทุกคนก็เลียนแบบทั้งนั้นเลย การเลียนแบบ เราอ่านพระไตรปิฎกขึ้นมา เวลาพระออกจากฌานสมาบัติ ทำบุญแล้วจะได้บุญกุศลมาก ก็แสวงหา ไอ้พระมันเขียนไว้หน้าวัดเลย วันนี้จะเข้าฌานสมาบัติ โอ้โฮ! พรุ่งนี้เรียงกันเป็นแถวเลย มาใส่บาตร แล้วมันเข้าฌานสมาบัติจริงไหมล่ะ มันจริงหรือเปล่าล่ะ นี่มันไม่จริงทั้งนั้น เพราะอะไร นี่วิทยาศาสตร์ไง มันเป็นทฤษฎีไง

 

แต่ถ้าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา ความดี ความดีคือความดี ความดีของเรา ถ้าใจมีมาตรฐานแล้วนะ ใจมันยิ่งใหญ่นะ น้ำใจของคนๆ คนที่ความรู้เขาเต็มนะ นิ่ง นิ่งอยู่นะ อย่าดูถูกความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้า พระอริยเจ้านิ่ง เพราะอะไร เพราะมันจะพูดไปทำไม เขารู้เหมือนเราไม่ได้หรอก เขาไม่เห็นหัวใจของเขาหรอก เขาไม่รู้ถึงผิดชอบชั่วดีตามสัจจะความจริงหรอก

 

ความผิดชอบชั่วดีของเรา โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อยศ ถ้ามีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ พอมันคิดของมันได้ ดูสิ ในการแข่งขันสโมสรทางยุโรป ไอ้พวกที่มันมีอิทธิพลมันไปจ้างกรรมการ มันควบคุมสโมสร มันควบคุมทั้งหมดเลย นั่นไง มันเตะมื่อไหร่มันก็ชนะทั้งนั้นน่ะ มันจ้างล้มบอลทั้งหมด นี่ไง จะเอาผลเอาแพ้ชนะกันไง ถ้าเอาผลเอาแพ้ชนะกัน เอาประโยชน์ไง มันทำได้ทั้งนั้นน่ะ

 

นี่ก็เหมือนกัน “เข้าฌานสมาบัติ โอ๋ย! มีศีล สมาธิ ปัญญา” ไอ้สโมสรนั้นเขาไปจ้างกรรมการนะ เดี๋ยวนี้ทำทุจริตทั้งนั้นน่ะ ที่ไหนมีผลประโยชน์ ที่นั่นมีการแข่งขัน ที่นั่นมีการช่วงชิง

 

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราทำของเราเองนะ คนที่มีความสุข คนที่มีความสุขมันรู้เท่าทันกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน คนที่มีความสุขคือคนที่รักษาหัวใจของตนได้ คนที่รักษาหัวใจของตนได้ ดูสิ เขามีการแข่งขันเพื่อช่วงชิงเอาประโยชน์กัน วิ่งแซงหน้าเราไปทั้งนั้นเลย เหลียวซ้ายก็วิ่ง เหลียวขวาก็วิ่ง แล้วเราทำไมไม่วิ่งไปกับเขาล่ะ

 

ไอ้ประโยชน์อย่างนั้นมันเป็นประโยชน์สมมุติ ประโยชน์กับโลก สิ่งใดได้มาแล้ว เราไม่พลัดพรากจากเขา เขาก็ต้องพลัดพรากจากเรา แต่สติปัญญาของเราที่รักษาความรู้สึกนึกคิดของเรา รักษาหัวใจของเรา เราพอใจของเรา

 

เขาได้แล้ว เขาไปวิ่งแข่งขันแย่งชิงกันไป เขาได้ทรัพย์สมบัติสมความปรารถนาเขา เขาฟุ่มเฟือยของเขา ๒ วันเขาไปกู้หนี้ยืมสิน เขาเป็นหนี้เขาอีกแล้ว ไอ้เรายังสบายอยู่เลยนะ นี่ไง ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา นี่สัจธรรม นี่พูดถึงว่า แค่เท่าทันกับความคิดของตนนะ เรามีสติมีปัญญาในหัวใจของตนมันยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก

 

พระพุทธศาสนานี้สุดยอดมาก พระพุทธศาสนา หลวงตาท่านสอนว่าเหมือนห้างสรรพสินค้า ใครเข้าไป ไปตากแอร์ก็ได้ ใครเข้าไปมีปัญญามากน้อยแค่ไหนก็ได้สินค้าอย่างนั้นออกมา แต่สินค้าในห้างสรรพสินค้ามันยิ่งใหญ่นัก ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันอยู่ที่หัวใจของคนที่มันมีความปรารถนามากน้อยแค่ไหน

 

ถ้ามีความปรารถนาทางโลก เรามีความปรารถนาบุญกุศลๆ เราอยากจะมีอำนาจวาสนา อยากจะประสบความสำเร็จทางโลก ประสบความสำเร็จทางโลก สรรพสิ่งนั้นมันเป็นสมบัติสาธารณะ มันช่วยเหลือมันเจือจานกันได้

 

แต่คุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ ครูบาอาจารย์ของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาพระโมคคัลลานะฟังธรรมจากพระสารีบุตรเป็นพระโสดาบัน พระสารีบุตรฟังธรรมจากพระอัสสชิเป็นพระโสดาบัน ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ พระโมคคัลลานะได้เป็นพระอรหันต์ภายใน ๗ วัน พระสารีบุตร ๑๔ วัน ทำไมมันไม่เท่ากันล่ะ เวลาสั่งสอนต้องเท่ากันสิ นี่ขนาดพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวาที่สร้างบุญกุศลมาด้วยกันนะ บุญวาสนาคนยังไม่เหมือนกัน แล้วนี่ของเรา เราทำอะไรกันมา ขี้ครอกมาถึงก็บอกว่าบรรลุธรรมๆ...ธรรมอะไรของมึง

 

บรรลุธรรมๆ ถ้ามันมีคุณธรรมนะ พุทธ ธรรม สงฆ์รวมอยู่ที่ใจนะ ถ้าเป็นพระโสดาบันนะ นี่ไง สิ่งที่ไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่นอกจากธรรมวินัยเด็ดขาด เด็ดขาด

 

แต่ถ้ามันยังเหลวไหล มันยังแปรปรวนอยู่นะ บ้าบอคอแตก “บรรลุธรรมๆ” มันก็เหมือนสโมสรในยุโรปเขาซื้อกรรมการ เขาซื้อหมดเลย เขาได้แชมป์ พอได้แชมป์แล้วมูลค่าของสโมสรสูงส่งมาก ราคาสูงส่งมาก แต่สักวันหนึ่งพอเขาตรวจสอบได้ ยึดคืนหมด ยึดทั้งนั้น รางวัลอะไรยึดคืนทั้งนั้นน่ะ ไอ้นั่นมันเพราะความทุจริต

 

นี่พูดถึงทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำคุณงามความดีของเราๆ ถ้าทำคุณงามความดีของเรา ต้องให้ใครมายกย่องสรรเสริญ ต้องให้ใครมาเชิดชูบูชา ถ้าคนเชิดชูบูชานั่นโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีลาภ เวลาสรรเสริญนะ แหม! ลอยเชียว เวลาเขาติเตียน ยุบยอบเชียว อย่างนั้นหรือ นี่ไง มันไม่จริงน่ะสิ

 

ถ้ามันจริง เขาจะติฉินนินทาขนาดไหน ให้มันติฉินนินทาไป ยิ่งเขาจะด่าขนาดไหน โจมตีขนาดไหน ให้มันโจมตีไป คนตาบอด โลกนี้คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก โง่เง่าเต่าตุ่นทั้งนั้นน่ะ มันจะรู้จักคุณธรรมอย่างไร มันจะเห็นสัจธรรมได้อย่างไร มันเห็นไปไม่ได้หรอก

 

นี่ไง ดูสิ ดูหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ดูหลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขา หลวงตาท่านบอกว่าเศษคนเลยล่ะ ไม่มีใครเห็นคุณค่าเลยล่ะ แต่เพราะกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม กลิ่นของหัวใจของท่าน คุณธรรมของท่าน เวลาท่านอยู่ที่เชียงใหม่ ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม เทวดามาแล้ว แล้วดูสิ เวลาท่านเล่าให้หลวงตาฟัง หลวงตาบอกเทวดามารอบโลก เยอรมัน ยุโรปมาฟังเทศน์ทั้งนั้นน่ะ แล้วคนก็สงสัยว่าทำไมจะต้องไปฟังเทศน์หลวงปู่มั่นๆ ทำไมพระทั่วไป เขารู้ได้อย่างไรว่าหลวงปู่มั่นอยู่ที่เชียงใหม่ เขารู้ได้อย่างไร ก็รู้จากคุณธรรมในใจของท่านไง กลิ่นมันหอมทวนลมไง มันขจรขจายไปหมด เทวดา อินทร์ พรหมคุ้มครองด้วย ไอ้เราไม่เห็นหรอก

 

เราเห็นแต่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เห็นแต่การแห่แหน เห็นแต่ขบวนรถยาวๆ แต่เราไม่รู้หรอก เทวดามันอยู่ไหน คุณงามความดีมันอยู่ไหน

 

ถ้าคุณงามความดีมันอยู่ในหัวใจนั้น ในหัวใจที่เป็นสัจจะความจริงอันนั้น สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี วิมุตติสุขๆ ถ้ามันสุข มันสุขจริง สุขจริงนะ ไม่หวั่นไหวหรอก

 

โลกธรรม ๘ มันธรรมะเก่าแก่ ของมันมีอยู่โดยดั้งเดิมอยู่แล้ว แล้วเรา โมฆบุรุษตายเพราะลาภ อยากดังอยากใหญ่ อยากให้เขาเชิดชูบูชา อยากให้เขาเคารพนับถือ พูดไปแล้วเขาจะฟังเราไม่ฟังเรา พูดไปแล้วจะถูกใจเขาไม่ถูกใจเขา นี่ไง ติดเรา หมดค่าเลย

 

ไม่ติดเรา ไม่มีสิ่งใด สมมุติบัญญัติ วิมุตติ ความจริงเหนือโลก พูดไปตามความจริงนั้น สัจธรรมอันนั้น อันนั้นน่ะมันบดบี้กิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจของตน นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง แต่ผิดใจเขาไปทั่วโลกนะ ผิดใจ ๓ โลกธาตุเลย เพราะใน ๓ โลกธาตุนี้มีแต่คนมีกิเลสทั้งนั้น มีแต่คนพร้อมที่จะให้เอาใจทั้งนั้น มีแต่คนที่จะให้มายกย่องเชิดชูบูชาทั้งนั้น ไม่มีใครไปสะกิดกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของเขา มีแต่สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น นี่ไม่ใช่โมฆบุรุษ ไม่ใช่คนว่างเปล่า ไม่ใช่คนไม่มีแก่นสาร คนไม่มีแก่นสาร มีแก่นสารมันก็อยู่ที่เรานี่แหละ มันจะมีสิ่งใดเหนือคุณธรรมอันนั้น มันจะมีสิ่งใดเหนือสัจจะความจริงอันนี้ ถ้าเหนือสัจจะความจริงอันนี้

 

แต่ของเรา เราเป็นชาวพุทธ เราก็นับถือพระพุทธศาสนา ถ้าพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นรัตนตรัยของเรา แก้วสารพัดนึก คนเรา แก้วสารพัดนึกได้มากได้น้อยแค่ไหน ที่นี่ก็เหมือนห้างสรรพสินค้า คนมีความสามารถได้แค่ไหน จะตักตวงสัจจะความจริงในพระพุทธศาสนาเข้าสู่หัวใจเรามากน้อยแค่ไหน

 

ดูสิ เราคุ้มครองดูแลกันมา พระพุทธศาสนา ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานมา ไม่มีสงฆ์เคยขาดจากโลกนี้เลย ถ้าขาดจากโลก ๕ องค์ ๑๐ องค์ ถ้า ๑๐ องค์จะญัตติจตุตถกรรม บวชศาสนทายาทขึ้นมาเพื่อให้คุ้มครองดูแล

 

นี่ไง ใครมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน จะได้ผลประโยชน์จากพระพุทธศาสนามากน้อยแค่ไหน พระพุทธศาสนามีคุณค่าอย่างไร มีคุณค่า คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยๆ

 

พระที่บวชขึ้นมาแล้ว บวชขึ้นมาศึกษาๆ ศึกษาก็ท่องจำกันไว้ ท่องจำก็เป็นนกแก้วนกขุนทอง ของกูๆๆ ไง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาขึ้นมา เขาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ขวนขวายในใจของตนขึ้นมา ถ้าขวนขวายในใจของตนขึ้นมา สัจธรรมมันก็แวววาวขึ้นมานะ สัจธรรม สัจจะความจริงอันนั้น ถ้าสัจจะความจริงอันนั้น

 

ดูสิ พระสารีบุตรเห็นพระอัสสชิเดินบิณฑบาตอยู่ ทำไมพระสารีบุตรรู้ว่าพระอัสสชิมีคุณธรรมในหัวใจ เพราะความสงบระงับในหัวใจนั้น ถ้าความสงบระงับในหัวใจนั้น ผู้ที่มีปัญญาเขาขวนขวายของเขา พอไปถามพระอัสสชิ “ใครเป็นศาสดาของเธอ ใครเป็นผู้สั่งสอนเธอ”

 

“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา เราเป็นผู้บวชใหม่ เราพูดธรรมะไม่ได้ละเอียดหรอก”

 

“ขอให้พูดมาเถอะ ถ้าหน้าที่แทงธรรมเป็นหน้าที่ของเรา”

 

พระอัสสชิเทศน์ให้พระสารีบุตรฟัง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่าธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ สัจจะความจริงในโลกนี้มันต้องมีเหตุมีปัจจัย ชีวิตของเรา ความเป็นไปของเรา เราเกิดมามันต้องมีเหตุมีปัจจัย มันต้องมีที่มาที่ไป ยิ่งกว่าวิทยาศาสตร์ พุทธศาสตร์ สัจจะความจริงมันต้องมีที่มาที่ไป นี่ก็เหมือนกัน ทุกข์มันต้องมีที่มาที่ไป มันต้องมีต้นเหตุ มันต้องมีการยุแหย่ มีการหลอกลวงในใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ไประงับที่เหตุนั้นไง พระสารีบุตรฟังเทศน์พระอัสสชิเป็นพระโสดาบัน ไปพูดให้พระโมคคัลลานะฟัง พระโมคคัลลานะเป็นพระโสดาบัน

 

เวลาเราบวชพระขึ้นมา เราบวชขึ้นมาแล้วเรามาค้ำจุนศาสนา ศึกษาไว้ ศึกษาไว้สืบทอดกันมา ๒,๐๐๐ กว่าปี แล้วถ้าผู้ที่ฉลาด ผู้ที่มีสติปัญญา เขาขวนขวายของเขา เขาทำของเขา เขามีความจริงในใจของเขา มันก็สมบูรณ์แบบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เราสาวก สาวกะ ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมาได้มีดวงตาเห็นธรรม สัจธรรมอันนั้น สัจธรรมอันนั้นมันยิ่งใหญ่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

แล้วพระธรรม ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา คนที่มีคุณธรรมในหัวใจมันจะก้าวล่วงธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้

 

แต่ที่มันเป็นไปได้มันก็กะล่อนไง ๑๘ มงกุฎไง เลียนแบบให้เหมือนไง คนทำให้เหมือนๆ แต่เวลาเป็นความจริงๆ ครูบาอาจารย์ไม่ต้องทำให้เหมือน มันเป็นความจริงในใจของท่าน ความจริงแสดงออกอย่างไรก็ได้ แสดงออกจากธรรมนั้น ไปกลัวอะไร ถ้าความจริงมันแสดงออกไปตามธรรม มันจะผิดอะไร มันจะผิดตรงไหน มันผิด ผิดกิเลสของคนไง

 

เวลาหลวงตาท่านสอนไง ต้องขออนุญาตกิเลสก่อนแล้วค่อยแสดงธรรมนะ เจริญพรๆ กลัวแต่เขาจะไม่เชิดชูบูชา ติดเรา

 

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ เทศนาว่าการนะ ไม่เสียดสี ไม่ดูถูกดูแคลนใครทั้งสิ้น ไม่เสียดสีตนเองและผู้อื่น ไม่เสียดสีใครทั้งสิ้น แต่กิเลสในใจของคนมันทำร้ายคน กิเลสในใจของคนมันทำให้คนทุกข์ กิเลสของคนมันทำให้คนต่ำต้อย มันทำให้คนตกค้างในโลกนี้ไง

 

ถ้ามันมีสัจจะความจริง เห็นไหม เวลาหลวงตาท่านเทศน์ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา ทำความดีหรือความชั่วมา ซัดหัวกิเลส มึงทำดีหรือทำชั่ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตีหัวกิเลสๆ ตีหัวกิเลสก็ตีใจดำเราไง ตีสิ่งที่เราปรารถนาไง

 

“โอ๋ย! ถ้าทำสิ่งใดก็ไม่ได้เลย หลวงพ่อว่าผิดทั้งนั้นเลยๆ แล้วถ้าถูก ถูกก็ไม่เคยเจอไม่เคยเห็นสักที”

 

อ้าว! ไม่เคยเจอไม่เคยเห็น ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก เคยเจอเคยเห็นที่ไหน มันเป็นปัจจัตตัง มันเป็นสันทิฏฐิโก มันเกิดท่ามกลางหัวใจ

 

ปฏิสนธิจิต จิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราเกิดมาจากไหน เราเกิดมาจากพ่อจากแม่ เลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อของแม่มาบวชมาค้ำจุนศาสนา แต่จริงๆ แล้วเราเกิดจากกรรม กรรมดี กรรมชั่ว กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน จิตทุกดวงเคยทำทั้งดีและชั่วมาทุกดวงใจ เคยทำทั้งดีและชั่ว วาระที่มันมีบุญกุศล วาระนั้นจะมีความสุข วาระไหนที่กรรมมันให้ผล วาระนั้นกรรมบีบคั้น กิเลสบีบคั้นหัวใจทุกข์ยากนัก

 

สุขเวทนา ทุกขเวทนาเป็นอนิจจัง มันแปรปรวนของมันตลอดเวลา แต่สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เป็นอนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป สิ้นไปในใจของเรา สิ้นไปจากหัวใจของเรา ให้เป็นคุณธรรมในใจขึ้นมา นี่เป้าหมายของพระพุทธศาสนา ให้ทำถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไอ้ที่มันทุกข์ๆ ยากๆ ไอ้ที่มันบีบคั้นอยู่นี่สิ้นสุด จบสิ้นกระบวนการของมัน พระพุทธศาสนาสอนอย่างนั้นนะ

 

ไม่ให้เชื่อเทวดา อินทร์ พรหม ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้นๆ กาลามสูตร ไม่เชื่อแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นสาวกสาวกะต้องศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติไปก่อน แต่เวลามันเป็นจริงๆ ขึ้นมาแล้วนะ ไม่เชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อสัจจะความจริง เชื่อความเป็นจริงในใจ เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกท่ามกลางใจของเราเอง เอวัง